All On 4, All On 6
ข้อดีและข้อจำกัดของรากฟันเทียมแต่ละชนิด
การใส่ฟันปลอมทั้งขากรรไกรแบบถอดได้มีข้อจำกัดค่อนข้างมาก เช่น พบทันตแพทย์หลายครั้ง ทำให้แน่นค่อนข้างยาก อีกทั้งเหงือกและกระดูกมีการเปลี่ยนแปลงรูปร่างไปตามเวลา จึงต้องมาปรับฐานฟันปลอมเพื่อให้กระชับ ซึ่งฟันปลอมอาจหลวมหลุดกระทบกันจนเกิดเสียงขณะกินข้าวหรือพูดคุย และต้องตัดแบ่งอาหารเป็นชิ้นเล็ก ๆ ก่อนใช้ฟันปลอมเคี้ยวอีกด้วย เมื่อใช้รากเทียมร่วมกับฟันปลอมจะทำให้ฟันปลอมติดแน่นกว่าจึงช่วยเพิ่มความมั่นใจในการพูดคุยและบดเคี้ยวอาหา
ฟันปลอมทั้งปากชนิดถอดได้

- ข้อดี ถอดล้างทำความสะอาดได้ง่าย
- ข้อจำกัด มีโอกาสหลวมหลุด อาจจำเป็นต้องใช้กาวติดฟันปลอมช่วยด้วย
ฟันปลอมชนิดถอดได้ร่วมกับรากฟันเทียม

- ข้อดี ฟันปลอมแน่นขึ้น
- ข้อจำกัด ฟันปลอมชนิดถอดได้ที่ต้องระมัดระวังเวลาเคี้ยวอาหาร
รากฟันเทียม All On 4, All On 6

- ข้อดี ใช้รากเทียมจำนวนน้อย ฟันปลอมใส่บนรากฟันเทียมทันทีหลังฝังรากฟันเทียม ใช้เวลาน้อยกว่ารากฟันเทียมแบบอื่น
- ข้อจำกัด ฟันปลอมชุดแรกที่ใส่ทันทีหลังฝังรากฟันเทียมเป็นชุดชั่วคราวต้องมีการเปลี่ยนอีกครั้ง การดูแลจะต้องทำความสะอาดใต้ฟันปลอมทุกวันไม่ให้มีเศษอาหารติดอยู่ และพบทันตแพทย์ประจำปีเพื่อรับการทำความสะอาดอย่างสมบูรณ์
ครอบฟันและสะพานฟันบนรากฟันเทียมแบบติดแน่น

- ข้อดี ทดแทนฟันทั้งขากรรไกร รากฟันเทียมรองรับสะพานฟันเซรามิกได้มั่นคงแข็งแรง ฟันปลอมชนิดติดแน่นทำความสะอาดได้เหมือนฟันธรรมชาติ
- ข้อจำกัด กระดูกต้องเพียงพอและสมบูรณ์ในการฝังรากเทียม
รู้จักรากฟันเทียม All On 4, All On 6

ขั้นตอนการรักษาด้วยรากฟันเทียม All On 4, All On 6
- การประเมินก่อนฝังรากฟันเทียม: ก่อนเริ่มการรักษา ทันตแพทย์จะซักประวัติ ตรวจสุขภาพเหงือก ประเมินกระดูกรองรับฟัน ร่วมกับการสแกนช่องปากด้วยการเอกซเรย์ (X-RAY) เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ 2 มิติ (Panoramic Radiograph) หรือเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ 3 มิติ (CT SCAN) เพื่อดูปริมาณกระดูก อวัยวะสำคัญ และตำแหน่งของเส้นประสาทที่เกี่ยวข้องเพื่อวางแผนการฝังรากเทียม
- ขั้นตอนการฝังรากฟันเทียม: ทันตแพทย์จะทำการฝังรากฟันเทียมโดยยึดตาม CT Guided Surgery มีการออกแบบรอยยิ้มด้วยเทคโนโลยีซอฟต์แวร์ Smile Design ทั้งแบบ 2D และ 3D เพื่อกำหนดตำแหน่งการฝังรากเทียม ซึ่งทันตแพทย์จะเจาะรูบริเวณเหงือกลึกลงไปถึงขากรรไกรเพื่อให้เกิดช่องว่างสำหรับการฝังรากเทียมแบบ All On 4 โดยจะฝังรากเทียม 2 รากที่ฟันด้านหน้า และ 2 รากที่ฟันซี่สุดท้ายในแนวเอียงเฉียงทำมุม 45 องศา เพื่อให้ครอบคลุมส่วนท้ายของฟันปลอมและเพื่อให้ฐานฟันมีความสมดุล แข็งแรง พร้อมรองรับแรงบดเคี้ยว แม้การวางรากเทียมในแนวปกติจะดีที่สุด แต่ในขากรรไกรบนบริเวณแก้มจะมีไซนัสที่เป็นโพรงอากาศ ซึ่งไม่มีกระดูก แล้วการฝังรากเทียมต้องฝังบริเวณกระดูก ในกรณีที่ผู้ป่วยมีไซนัสใหญ่ โพรงอากาศใหญ่ การฝังรากเทียมจึงจำเป็นต้องฝังให้เอียงเพื่อไม่ให้ทะลุกระดูก ซึ่งการจะฝังตรงหรือเอียงขึ้นอยู่กับการประเมินของทันตแพทย์และสุขภาพของผู้ป่วยเป็นสำคัญ
- ขั้นตอนการใส่แผงฟันปลอมหรือสะพานฟันบนรากฟันเทียม: หลังฝังรากฟันเทียมแล้วติดแน่นเรียบร้อยดี ทันตแพทย์จะทำการใส่แผงฟันปลอมหรือสะพานฟันยึดติดบนรากฟันเทียมในวันเดียวกัน ซึ่งวัสดุที่ใช้คืออะคริลิก โดยปรับแต่งให้เหมาะสมกับช่องปากและการสบฟัน หลังจากแผลหายดีแล้วครบ 6 เดือน ทันตแพทย์จะทำการนัดหมายเพื่อตรวจประเมินอีกครั้ง หากผู้ป่วยต้องการเปลี่ยนวัสดุที่ใช้ให้แข็งแรงเพิ่มขึ้นอย่างอะคริลิกผสมไทเทเนียม หรือเซอร์โคเนีย (Zirconia) สามารถแจ้งทันตแพทย์เพื่อพิจารณาให้เหมาะสมกับการใช้งานและสุขภาพฟัน
ชนิดของฟันปลอมที่ใส่บนรากฟันเทียม All On 4, All On 6
วัสดุสำหรับทำฟันปลอมมีให้เลือก 3 ชนิด ได้แก่
- อะคริลิกแบบเสริมความแข็งพิเศษ
- อะคริลิกแบบเสริมความแข็งแรงพิเศษ
- เซอร์โคเนีย (Zirconia)
โดยฟันปลอมที่ใส่ทันทีหลังฝังรากฟันเทียมมักเป็นชนิดที่ทำมาจากอะคริลิกแบบเสริมความแข็งพิเศษ มีน้ำหนักเบาและแรงกัดที่น้อยเพื่อช่วยลดแรงกระทำต่อรากฟันเทียมที่เพิ่งฝังไป เพื่อรอให้กระดูกยึดติดกับรากฟันเทียม โดยผู้ป่วยสามารถใช้ฟันปลอมชุดแรกต่อไปได้หากการใช้งานยังเป็นปกติ แต่ในบางกรณีอาจจะพิจารณาเปลี่ยนเป็นฟันปลอมชนิด เซอร์โคเนีย (Zirconia) หลังการฝังรากฟันเทียมไปแล้ว 6 เดือนขึ้นไป เนื่องจากแข็งแรงและคงทนกว่า โดยทันตแพทย์จะเป็นผู้แนะนำการเลือกชนิดของวัสดุฟันปลอม ขึ้นกับลักษณะการใช้งานและความต้องการของผู้ป่วยแต่ละรายเป็นสำคัญ
นอกจากนี้ทันตแพทย์จะแนะนำรากฟันเทียม 4 หรือ 6 ราก ขึ้นอยู่กับปัจจัยกระดูกของแรงกัดและชนิดของฟันปลอมที่เลือก โดยปกติขากรรไกรบนจะต้องใช้จำนวนรากฟันเทียมที่มากกว่าขากรรไกรล่าง
ข้อดีของรากฟันเทียมแบบทั้งปาก All On 4
- ใช้รากเทียมจำนวนน้อยและเป็นฟันปลอมแบบติดแน่น
- ทดแทนฟันและใช้งานได้ทันที ผู้ป่วยสามารถใส่รากเทียมและฟันปลอมได้ในวันเดียว ทั้งนี้สามารถทำได้ในกรณีที่เหมาะสม ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของทันตแพทย์ผู้ชำนาญการ โดยพิจารณาจากสภาพช่องปาก กระดูกขากรรไกร และปัจจัยอื่น ๆ ในผู้ป่วยแต่ละราย ซึ่งแตกต่างกันออกไป
- ใช้ระยะเวลาการผ่าตัดน้อย ฟื้นตัวเร็ว ลดจำนวนครั้งที่ต้องมาพบทันตแพทย์
- หมดปัญหาฟันปลอมหลวมหรือขยับ เนื่องจากเป็นฟันปลอมแบบติดแน่น
- มีความแข็งแรง ให้ความรู้สึกเหมือนฟันธรรมชาติในขณะใช้งาน เช่น บดเคี้ยว พูดคุย
- ลดความยุ่งยากจากขั้นตอนการปลูกกระดูก
- บูรณะฟันที่สูญเสียไปอย่างมีประสิทธิภาพ เสริมบุคลิกภาพ และสร้างความมั่นใจ
- ใช้งานได้นานจนถึงตลอดชีวิต หากดูแลรักษาอย่างถูกต้อง
รากฟันเทียม All On 4 เหมาะกับใคร
- ผู้ที่มีฟันเหลือน้อยหรือสูญเสียฟันแบบทั้งปาก ทั้งฟันบนหรือฟันล่าง
- ผู้ป่วยที่มีความจำเป็นต้องถอนฟันทั้งปาก แต่ยังต้องการใส่ฟันปลอมแบบติดแน่น
- ผู้ที่จำเป็นต้องใส่รากฟันเทียมหลายซี่
- ผู้ที่ไม่สามารถฝังรากฟันเทียมบริเวณฟันหลังได้
- ผู้ที่สูญเสียกระดูกรองรับฟัน แต่ไม่จำเป็นต้องมีการปลูกกระดูกเพิ่มเติม หรืออาจมีความจำเป็นน้อย
- ผู้ที่ทำครอบฟันหรือสะพานฟันแล้วมีปัญหา รวมทั้งฟันโยกคลอนจนถึงขั้นจำเป็นต้องถอน
อย่างไรก็ตามวิธีการรักษานี้อาจไม่แนะนำในกรณีที่มีการสลายของกระดูกรองรับฟันไปมากและการพิจารณาการรักษาด้วยรากฟันเทียม ALL-ON-4 ขึ้นกับดุลยพินิจของทันตแพทย์
ดูแลหลังรักษารากฟันเทียม All On 4
ทำไมต้องรักษาทันตกรรมรากฟันเทียม All On 4
- ทันตแพทย์เฉพาะทางที่ชำนาญและมากด้วยประสบการณ์
- เครื่องมือและเทคโนโลยีทันสมัยด้วยมาตรฐานระดับสากล
- วางแผนการรักษาเฉพาะบุคคล
- คุณภาพรากเทียมและวัสดุฟันปลอมที่ได้มาตรฐานระดับสากล