จัดฟัน
จัดฟันกับยิ้มแฉ่งทันตกรรม: ดูแลรอยยิ้มให้สวยและมั่นใจ
การจัดฟัน (Orthodontics) ที่ยิ้มแฉ่งทันตกรรม เป็นการรักษาทางทันตกรรมที่ช่วยปรับการเรียงตัวของฟัน การสบฟัน รวมถึงความสัมพันธ์ของขากรรไกรต่อใบหน้าอย่างเหมาะสม การจัดฟันไม่ได้เพียงช่วยเสริมความงามของรอยยิ้ม แต่ยังมีประโยชน์ด้านสุขภาพ ดังนี้:
การจัดฟันใสที่ยิ้มแฉ่งทันตกรรม: ทางเลือกที่ทันสมัย
การจัดฟันใส (Clear Aligner) คือการจัดฟันที่ใช้นวัตกรรมเทคโนโลยี AI และซอฟต์แวร์คำนวณเพื่อออกแบบพลาสติกใสเฉพาะบุคคล คุณสมบัติเด่นของการจัดฟันใสกับยิ้มแฉ่งทันตกรรม ได้แก่:
1. Invisalign: แบรนด์ระดับโลกที่ได้รับการยอมรับในวงการทันตกรรม
1. ปรึกษาทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ยิ้มแฉ่งทันตกรรม:
เลือกทันตแพทย์ที่มีประสบการณ์และผ่านการอบรมเฉพาะทางด้านการจัดฟันใส เพื่อให้คำปรึกษาและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม
2. พิจารณาความซับซ้อนของฟัน:
หากฟันซ้อนเกมากหรือเคสยาก ควรเลือกแบรนด์ที่รองรับการรักษาเคสซับซ้อนได้
3. งบประมาณ:
แบรนด์ดัง เช่น Invisalign อาจเหมาะกับผู้ที่ต้องการความแม่นยำสูง
เคสง่ายสามารถเลือกแบรนด์ที่ราคาย่อมเยาแต่คุณภาพดี เช่น Dr.Clear หรือ BeforeDent
บริการหลังการขาย:
ยิ้มแฉ่งทันตกรรมใส่ใจบริการหลังการรักษา พร้อมดูแลทุกคำถามหรือปัญหา
4. ความสะดวกในการเดินทาง:
ยิ้มแฉ่งทันตกรรมตั้งอยู่ในทำเลสะดวก มีที่จอดรถ และเวลาทำการที่เหมาะสม

การจัดฟันโลหะ เป็นวิธีการจัดฟันที่ได้รับความนิยมมากที่สุด โดยใช้เครื่องมือที่ติดลงบนผิวหน้าฟัน ร่วมกับลวดจัดฟันที่ช่วยในการเคลื่อนฟัน และยางสีต่าง ๆ สำหรับยึดลวด ทั้งนี้ การจัดฟันโลหะไม่เพียงช่วยปรับฟันให้เรียงตัวสวยงาม แต่ยังส่งผลดีต่อสุขภาพช่องปากในระยะยาว
ส่วนประกอบหลักของการจัดฟันโลหะ
1. แบร็กเก็ต (Brackets):
- ชิ้นส่วนโลหะขนาดเล็กติดบนผิวฟัน
- ผลิตจาก สแตนเลสสตีล ที่มีความปลอดภัยสูง ไม่เป็นสนิม
- มีร่องสำหรับยึดลวดและปีกเล็ก ๆ สำหรับมัดยาง
2. ลวด (Archwires):
- ผลิตจากวัสดุเช่น นิกเกิล และ ไทเทเนียม
- เป็นตัวสร้างแรงดึงเพื่อเคลื่อนฟันตามแผนการรักษา
3. ตัวยึด (Ligatures):
- ทำหน้าที่ยึดลวดไว้กับแบร็กเก็ต
- วัสดุยอดนิยมคือ “ยาง” ซึ่งสามารถเปลี่ยนสีได้บ่อยครั้ง
นอกจากนี้ ในบางเคสอาจมีการใช้อุปกรณ์เสริม เช่น ยางดึงฟัน เชน สปริง หมุดจัดฟัน หรือไบท์เทอร์โบ เพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะจุด
2. ถ่าย X-ray และสแกนฟัน: เพื่อเก็บข้อมูลโครงสร้างฟัน
3. เคลียร์ช่องปาก: แก้ปัญหาสุขภาพช่องปากให้พร้อมก่อนเริ่มจัดฟัน
4. ติดตั้งเครื่องมือจัดฟัน: ตามแผนที่ทันตแพทย์กำหนด
5. ปรับเครื่องมือ: เข้าพบทันตแพทย์ตามนัดเพื่อปรับลวดและติดตามผล
6. ถอดเครื่องมือ: เมื่อการจัดฟันเสร็จสมบูรณ์
7. ใส่รีเทนเนอร์: เพื่อป้องกันการล้มของฟัน
การจัดฟันแบบเซรามิก เป็นการจัดฟันที่ใช้หลักการเดียวกับการจัดฟันโลหะ แต่แตกต่างกันที่วัสดุของแบร็กเก็ต ซึ่งทำจาก เซรามิกสีเหมือนฟัน และใช้ยางรัดสีใส ทำให้ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดความโดดเด่นของเครื่องมือจัดฟัน

การจัดฟันร่วมกับการผ่าตัดขากรรไกร: การแก้ปัญหาสบฟันและขากรรไกรที่ครอบคลุม
การจัดฟันร่วมกับการผ่าตัดขากรรไกร (Orthognathic Surgery) เป็นการรักษาที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาสบฟันผิดปกติ ซึ่งมีสาเหตุมาจากความผิดปกติของกระดูกขากรรไกร เช่น ขากรรไกรบนและล่างมีขนาดหรือรูปทรงที่ไม่สัมพันธ์กัน ส่งผลให้ฟันสบไม่เข้าที่และใบหน้าดูไม่สมส่วน
1. การตรวจและวางแผนการรักษา
- ตรวจการสบฟัน พิมพ์ปาก และถ่าย X-ray เพื่อประเมินปัญหา
- ทันตแพทย์จะวินิจฉัยว่าปัญหาสบฟันผิดปกติเกิดจากกระดูกขากรรไกรหรือไม่
- หากจำเป็นต้องผ่าตัด ควรปรึกษา ทันตแพทย์ศัลยกรรมช่องปากและขากรรไกร (Oral and Maxillofacial Surgeon) เพื่อวางแผนการรักษาโดยละเอียด
2. การจัดฟันก่อนการผ่าตัด (Presurgical Orthodontics)
- ใช้เวลา 1–2 ปีในการจัดฟันเพื่อปรับตำแหน่งฟันบนขากรรไกรให้เหมาะสม
- อาจต้องถอนฟันในบางกรณี เช่น ฟันซ้อนเกมาก
- ฟันอาจดูเรียงตัวแย่ลงชั่วคราว เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการผ่าตัด
3. การผ่าตัดขากรรไกร (Orthognathic Surgery)
- ทันตแพทย์พิมพ์ปากและ X-ray อีกครั้ง เพื่อจำลองการผ่าตัดและเตรียมเฝือกสบฟัน
- การผ่าตัดทำในโรงพยาบาล โดยพักฟื้นในโรงพยาบาล 1–3 วัน และพักต่อที่บ้านอีก 2–4 สัปดาห์
- แพทย์จะให้คำแนะนำในการดูแลก่อนและหลังการผ่าตัด
4. การจัดฟันหลังการผ่าตัด (Postsurgical Orthodontics)
- จัดฟันเพื่อปรับรายละเอียดและให้การสบฟันสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
- ใช้หนังยางดึงฟันร่วมด้วย โดยใช้เวลาประมาณ 6 เดือน